เดิมทีนั้นเห็ดฟางสามารถขึ้นได้เอง ตามหัวไร่ชายนา จากเศษหญ้า กองฟางทั่วไปและได้มีการพัฒนาการเพาะเห็ดฟางเพื่อการค้ากันอย่างแพร่หลาย ซึ่งวัสดุที่นำมาเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะเห็ดฟางได้แก่ฟางข้าว ซึ่งเป็นวัสดุหลงเหลือจากการทำนา จึงเป็นที่มาของ ชื่อ “ เห็ดฟาง ” ซึ่งเรียกตามลักษณะของเห็ดที่ขึ้นตามกองฟาง
ปัจจุบันการเพาะเห็ดฟางได้พัฒนาไปอีกรูปแบบหนึ่ง คือแทนที่จะใช้วัสดุฟางข้าวเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะ เกษตรกรได้หันมาใช้ทะลายปาล์มเป็นวัสดุในการเพาะ ส่วนเชื้อเห็ดที่นำมาเพาะยังคงใช้เชื้อเห็ดฟางเช่นเดิม ดังนั้นการเรียกชื่อเห็ดที่ได้จากการเพาะจากทะลายปาล์ม
น่าจะเรียกว่า “ เห็ดทะลายปาล์ม ” ถ้าหากชื่อยาวเกินไปไม่สะดวกต่อการเรียกขาน อาจเรียกว่า “ เห็ดปาล์ม ” ก็ดูจะเข้าทีไม่น้อย
สำหรับทะลายปาล์มซึ่งนำมาเพาะเห็ดนั้นเป็นวัสดุเหลือใช้จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มซึ่งมีอยู่มากมายเมื่อก่อนเคยเป็นปัญหากับทางโรงงานที่จะต้องเป็นภาระในการขนย้ายไปทิ้ง แต่หลังจากมีการนำทะลายปาล์มมาเพาะเห็ด ทำให้โรงงานมีรายได้กับการขายทะลายปาล์มอีกทางหนึ่งและทะลายปาล์มหลังจากใช้ในการเพาะเห็ดแล้วยังสามารถนำไปใช้คลุมโคนต้นไม้และทำปุ๋ยได้ อีกนับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า (ทะลายปาล์ม 1 คันรถ 6 ล้อ ราคา 1,200 บาท)
ประวัติการเพาะเห็ดฟางทะลายปาล์มของอำเภอไชยา
การเพาะเห็ดฟางจากทะลายปาล์มน้ำมัน อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2536 มีการส่งเสริมการเพาะเห็ดฟางจากทะลายปาล์ม ในเขตพื้นที่ชลประทาน หมู่ที่ 2,5 ตำบลป่าเว ซึ่งมีเกษตรกรได้รวมกลุ่มการเพาะเห็ดฟาง จำนวน 27 ราย โดยทางสำนักงานเกษตรอำเภอไชยา ได้จัดให้มีกิจกรรมการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรตามแผนพัฒนาชนบท ด้วยสาเหตุนี้ ในช่วงปลายปี 2538 ได้มีการขยายผลวิธีการวิธีการเพาะเห็ดฟางไปสู่ท้องถิ่นอื่น ได้แก่ ตำบลทุ่ง ตำบลพุมเรียง ตำบลตะกรบ สำหรับการเพาะเห็ดฟางในอำเภอไชยา ขณะนี้ได้มีการรวมกลุ่มการเพาะเห็ดฟางในบางหมู่บ้าน และจัดทำเป็นรายครัวเรือน รวมสมาชิกทั้งหมด 131 ครัวเรือน จะมีพ่อค้าเข้ามาบริการจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์และรับซื้อผลผลิตเห็ดในท้องถิ่น จำนวน 3 – 5 รายนำไปขายในจังหวัดต่าง ๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา กรุงเทพฯ ทำให้เกษตรกรไม่มีปัญหาเรื่องการจำหน่าย และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน ประมาณเดือนละ 3,000-5,000 บาท ผลผลิตรวมในพื้นที่ออกจำหน่ายไม่ต่ำกว่าวันละ 300 ก.ก. ขณะนี้ราคารับซื้อจากพ่อค้าราคา ก.ก. ละ 30-33 บาท
ข้อมูลการเพาะเห็ดฟางทะลายปาล์ม
- พื้นที่เพาะเห็ดฟางทะลายปาล์ม ปัจจุบันมีเกษตรกรเพาะเห็ดฟางทะลายปาล์มในท้องที่ หมู่ที่ 1,3,4,5 ตำบลตะกรบ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการเพาะเห็ดตลอดทั้งปี และมีเกษตรกร บางส่วนของตำบลทุ่ง จะทำการเพาะเห็ดเฉพาะช่วงฤดูกาล คือ หลังจากเก็บเกี่ยวข้าว (เดือนธันวาคม) ระยะเพาะประมาณ 5 เดือน
- จำนวนเกษตรกรผู้เพาะเห็ดฟางทะลายปาล์ม
- เพาะเห็ดตลอดปีประมาณ 131 ราย
- เพาะเห็ดช่วงฤดูกาลหลังเก็บเกี่ยวประมาณ 35 ราย
- รายได้จากการเพาะเห็ดฟางทะลายปาล์ม เกษตรกรมีรายได้จากการเพาะเห็ด เฉลี่ยรายละ 3,000 – 5,000 บาท ต่อเดือน
- กำลังการผลิต
- เกษตรกรเพาะเห็ดได้เฉลี่ย 3 ก.ก. ต่อวัน คิดเป็นรายได้ 120 บาทต่อวัน (ราคาเห็ด ก.ก. ละ 30-33 บาท)
- กำลังการผลิตรวมของอำเภอ เฉลี่ยวันละ 300 ก.ก. ต่อวัน คิดเป็นมูลค่าวันละ 9,000-9,900 บาท ต่อวัน หรือ 270,000 – 326,700 บาท ต่อเดือน (3,240,000 – 3,920,400 บาทต่อปี)
ผลที่เกิดขึ้นจากการส่งเสริมการเพาะเห็ดฟางจากทะลายปาล์ม
- เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว เดือนละ 3,000 – 5,000 บาท
- ผลผลิตรวมในพื้นที่ออกจำหน่ายไม่ต่ำกว่าวันละ 300 ก.ก. ๆ ละ 40 บาท
- เป็นการทำกิจกรรมอาชีพแบบครบวงจร โดยมีพ่อค้านำทะลายปาล์มและวัสดุอื่นมาจำหน่าย และรับซื้อเห็ดฟางถึงในไร่นา เกษตรกรไม่ต้องเสียเวลาในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเสี่ยงกับภาวะด้านการตลาด และราคาผลผลิต
- เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นกลุ่มอาชีพที่มั่นคงในโอกาสต่อไป
- มีการใช้เวลาว่างจากการประกอบกิจกรรมอื่นให้เกิดประโยชน์ เป็นการกระจายแรงงานที่เหมาะสม
- มีอาหารประเภทผัก ไว้บริโภคในครัวเรือน เป็นการเพิ่มอาหารโปรตีน และลดค่าใช้จ่าย
- เศษทะลายปาล์ม นำไปใช้ในการปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชอื่น เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืนถาวรต่อไป
วัสดุอุปกรณ์
- เชื้อเห็ดฟาง
- อาหารเสริม
- แป้งข้าวเหนียว
- ทลายปาล์มน้ำมัน
- ไม้ไผ่ทำโครง
- พลาสติกดำชนิดบาง
ขั้นตอนและวิธีการเพาะ
- การเตรียมพื้นที่
- เลือกพื้นที่ให้เหมาะสม
- ปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ กำจัดสิ่งปฏิกูลออก
- การสร้างโรงเรือน
- ใช้สแลนหรือทางมะพร้าวป้องกันแดดประมาณ 70 %
- ใช้สแลน ทางมะพร้าว หรือ สิ่งเหลือใช้อื่น ๆ เช่น กระสอบปุ๋ย กั้นด้านข้างเพื่อป้องกันลมพัดโดนผ้าพลาสติกคลุม
- ความสูงประมาณ 180 ซ.ม. กว้าง,ยาวพอสมควร
- การเตรียมทลายปาล์มก่อนนำไปเพาะ
- กองทลายปาล์มสูงประมาณ 70 ซ.ม.
- เหยียบย่ำให้เรียบ
- รดน้ำให้ทั่ว 3 วัน ต่อครั้ง นานครั้งละ 2 ชั่วโมง(ใช้ท่อขนาด 1 นิ้ว ฉีด)
- คลุมด้วยพลาสติกให้มิดชิด นาน 12 วัน
- การเตรียมแปลงเพาะ
- เตรียมแปลงกว้าง 70 ซม.
- ยาวครึ่งหนึ่งของผ้าพลาสติกคลุม
- เหยียบร่องให้เรียบ รดน้ำให้ชุ่ม
- การเลือกซื้อเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพ
- ก้อนเชื้อเห็ดแน่นแข็ง
- มีเส้นใยสีขาวนวล
- กลิ่นหอมรสดอกเห็ดฟาง
- ไม่มีเชื้อราชนิดอื่นปะปน
- ไม่มีหนอนและแมลง
- การผสมเชื้อเห็ด
- ขยำเชื้อเห็ดให้ร่วน
- คลุกเคล้าเชื้อเห็ด อาหารเสริมและแป้งข้าวเหนียวให้ทั่ว (เข้ากันดี) อัตราส่วน สำหรับขนาดแปลงเพาะ กว้าง 70 ซม. ยาว 22 เมตร
- เชื้อเห็ดฟาง 75 ถุง
- อาหารเสริม 1 ถุง (1.5 ก.ก.)
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถุง (1 ก.ก.)
- การโรยเชื้อเห็ดและคลุมร่อง
- โรยเชื้อเห็ดที่ผสมแล้วลงบนร่องให้ทั่ว
- รดน้ำให้ชุ่ม (ใช้บัว)
- ใส่โครงไม้ไผ่คลุมด้วยพลาสติกดำ ชนิดบาง
- การดูแลรักษา
- ตรวจดูความชื้นในแปลงอย่างสม่ำเสมอ
- ความชื้นที่เหมาะสม 35-37 องศาเซนเซียส
- สังเกตหยดน้ำใต้พลาสติกคลุม หากไม่มีหยดน้ำจับพลาสติกหรือมีน้อย ให้รดน้ำลงบนพื้นดินระหว่างแปลงเพาะ
- หลังวันเพาะ 5 วัน ให้เปิดช่องระบายอากาศ ขนาด 1 ฝ่ามือทั้งหัวและท้ายร่อง
- สังเกตดูเชื้อรา หากมีเชื้อราปะปนให้รีบกำจัดทันที
- หลังวันเพาะ 9 – 10 วัน เห็ดจะเริ่มงอก
- การเก็บเกี่ยว
- เก็บเมื่อได้ขนาด ดอกโตเต็มที่แต่ไม่บาน
- พยายามให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด
- ใช้มีดจับดอกเห็ดหมุนไปทางใดทางหนึ่งพร้อมดึงขึ้น
- ดอกที่งอกบนดินควรใช้มีดตัดดอกเห็ดขึ้นมา อย่าดึงด้วยมือ
- เวลาเก็บ ขึ้นกับความต้องการของตลาด
- เก็บวันละ 1 ครั้ง ทุกวัน นานประมาณ 15 วัน ต่อรอบ
- การตัดแต่งดอกเห็ด
- ใช้มีดที่บางและคม
- ตัดตีนให้สะอาดเรียบร้อย
- ตัดแต่งดอกที่เป็นผิวคางคกให้เรียบร้อยไม่เสียราคา
การจำหน่าย
มีจุดรับซื้อ ในตำบล 3 จุด พร้อมบริการวัสดุอุปกรณ์
หมายเหตุ
• ห้ามทำซ้ำที่
• พลาสติกคลุมต้องทำความสะอาดโดยการซักน้ำทุกครั้งก่อนนำไปใช้ครั้งต่อ ๆ ไป
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอไชยา 0-7743-1033
ที่มา : http://chaiya.suratthani.doae.go.th/20.html