สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านนะครับ ทางคงสวัสดิ์ อินเตอร์เทรด หวังว่าทุกๆท่านคงมีความสุขจากเทศการปีใหม่ที่ผ่านมาเป็นอย่างดี และทางทีมงานขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุขในปี 2554 นี้ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปราถนาดังที่ท่านได้หวังไว้
บทความนี้จริงๆแล้วทางทีมงานของเราไปเจอเข้าโดยบังเอิญ ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อหลายท่านที่มีอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่านเกี่ยวข้องกับการปลูกกล้วยไม้
บทความนี้เขียนโดย คุณ kvissanu จากเว็บ http://www.212cafe.com โดยบทความต้นฉบับผู้เขียนได้แบ่งออกเป็น 3 ตอน แต่ทางทีมงานได้เรียบเรียงขึ้นใหม่เล็กน้อย เพื่อความกระชับของเนื้อหา จึงได้รวมออกมาเป็น 2 บทความ เพราะรายละเอียดของเนื้อหาครับ และเพื่อไม่ให้ท่านอ่านอะไรนอกเรื่องไปมากกว่านี้ หลังจากนี้จะเป็นเนื้อหาหลักที่ คุณ kvissanu ได้เขียนไว้ครับ
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
สวัสดีครับ ก็หายไปนานเลยครับเพราะช่วงนี้ยุ่งๆอยู่ครับหลังจากที่เอารูปจากงานเกษตรสุรนารี51 มาให้ดูแล้วก็จะห่างหายไปหน่อยครับ เห็นบอร์ดเงียบไปนานผมก็เลยมีเวลาว่างเอารูปที่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานของผมเอง ที่จะเริ่มทำสวนกล้วยไม้ชื่อ พนิดาออร์คิด (ชื่อภรรยานั่นเองครับ) ซึ่งก็เริมจากศูนย์เลยครับเพราะผมเองก็ไม่ได้เกิดจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยอะไรอยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอาเองครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ ผมเองเริ่มเล่นกล้วยไม้อย่างจริงจังก็ประมาณสองปีแล้วครับและก็ตัดสินใจที่จะทำสวนกล้วยไม้อย่างเต็มตัวโดยไปซื้อที่ดินประมาณสองไร่ส่วนหนึ่งขุดบ่อกักเก็บน้ำ ส่วนหนึ่งแบ่งไว้ปลูกบ้าน ส่วนที่เหลือก็จะทำสวนกล้วยไม้ก็จะเหลือพื้นที่สวนกล้วยไม้ประมาณ 1 ไร่ 1 งานครับก็คิดว่าเริ่มแค่นี้ก่อนก็กำลังดีครับทำคนเดียวก็ยังคงไหวเพราะก็ต้องทำงานประจำด้วย รูปนี้ถ่ายให้ดูตอนที่ไปดูที่ที่ต้องการจะซื้อครับ ที่ดินที่ซื้อนี้มีข้อดีคือห่างจากที่ทำงานประมาณ 3 กม.เข้าไปจากถนนใหญ่ 1 กม.มีถนนคอนกรีตผ่านด้านหน้า ถนนด้านข้างมีถนนดินผ่านด้วยครับ
จากนั้นก็เริ่มจัดการเลยครับด้วยงบประมาณที่ยังพอเหลือที่จะปรับที่ดินก็เริ่มจ้างรถแม็กโคมาทำการขุดต้นไม้และขุดบ่อเก็บน้ำครับ
ผมขุดบ่อไว้ด้านหลัง ไม่ใหญ่มากครับขนาดประมาณ 6×22 เมตร ซึ่งผ่านหน้าฝนมาหนึ่งปีแล้วตอนนี้ยังเก็บน้ำไม่อยู่เพราะซึมลงดินและละเหยไปด้วยผมคิดว่าไม่พอใช้แน่เลยครับ ผมก็กะว่าถ้าพอมีกะตังก็กะว่าจะซื้อที่ข้างหลังอีก1งานจะขุดบ่อให้ใหญ่กว่านี้ครับแต่ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ แฮะๆๆ
ผ่านมาอีก 3 เดือนหลังจากเก็บตังไปจ้างเค้ามาปรับที่ดินได้แล้วก็ได้ออกมาอย่างนี้ครับ ทำการปรับที่ใช้เวลาถึง 2 วันเลยครับเพราะต้องเอาดินที่ขุดบ่อมาเกลี่ยให้ได้อย่างนี้ครับงานนี้ก็หมดไปหลายพันอีกแล้วครับท่าน
แล้วก็ปักเสารั้วครับ ผมใช้เสาอัดแรง 3×3 นิ้วสูง 2 เมตร จำนวน 120 ต้นครับเสาทุกต้นผมขุดและฝังเองเลยครับเพราะไม่มีเงินจะไปจ้างช่างมาทำแล้ว อาศัยว่ายังมีแรงทำอยู่ก็ลองทำดูและก็ทำได้ครับ ได้เปรียบตรงที่มีคนให้ผมยืมเครื่องเจาะหลุมครับคล้ายของการไฟฟ้าครับแต่เล็กกว่าและใช้เครื่องยนต์เครื่องตัดหญ้าครับก็เลยร่นเวลาและความเหนื่อยได้เยอะเลยครับ
พอลงเสารั้วเสร็จก็ใช้เวลาประมาณเกือบเดือนกว่าจะเสร็จแล้วก็ขึงรวดหนามครับก็ใช้เวลา 2 อาทิตย์ครับเพราะต้องดึงทีละแถวครับ เสร็จทั้ง 4 แถวแล้วก็เก็บเงินสั่งเสาโรงเรือนมาพอดีครับ ผมใช้เสาหล่อหน้า4×4 นิ้ว สูง 4 เมตรครับต้องสั่งทำพิเศษเพราะเสาขนาดนี้เค้าไม่มีขายครับอย่างมากก็แค่ 3.5 เมตรโรงงานที่ผมไปสั่งเค้าบอกว่าเสายาวขนาดนี้เสี่ยงต่อการหักในการขนส่งครับ ผมก็เลยให้เค้าเพิ่มเหล็กเข้าไปอีก 2 เส้นเป็น 6 เส้นแต่ตอนให้เค้ายกลงก็มีหลายต้นที่ร้าวครับแต่โรงงานก็เปลี่ยนให้ครับ ก่อนเค้าเอาเสามาส่งผมก็วางแผนผังและปักหลักตำแหน่งไว้เวลาที่โรงงานเอาเสามาส่งก็ให้เค้ายกลงตามตำแหน่งเลยครับไม่เปลืองแรงของเราครับ
หน้าตาของเสาโรงเรือนที่วางตามตำแหน่งครับ ตอนนั้นก็กะว่าจะจ้างให้เค้าตั้งเสาให้ครับก็คิดอยู่ว่าไม่อย่างนั้นต้องนอนอยู่อย่างนี้นานแน่เลยครับเพราะก็ยังไม่มีตังซะด้วยครับ หลังจากที่คิดอยู่หลายวันก็เลยตัดสินใจลองรวบรวมจอบ เสียม เครื่องมือต่างๆ มาแล้วก็ลองขุดหลุมแล้วก็ลองยกเสาดูครับก็ปรากฏว่ายกคนเดียวขึ้นครับ ตอนแรกก็ทุรักทะเลครับแต่ก็ทำได้ครับ
หลังจากที่สามารถลงเสาเพียงคนเดียวได้ก็จัดการเลยครับเลิกงานก็ลงวันละต้น เสาร์อาทิตย์ก็ได้วันละ 4 ต้นครับมากกว่านี้ร่างกายรับได้แค่นี้ครับจัดการลงเสาจนเสร็จก็ใช้เวลา3เดือนกว่าครับ อ้อลืมบอกไปว่าผมใช้เสาทั้งหมด 55 ต้นครับ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนครับเดี๋ยววันหลังจะเอามาลงเพิ่มเติมนะครับ
มาลงรูปต่อจากเมื่อวานครับวันนี้เพิ่งเสร็จสิ้นจากภาระกิจพอเหลือเวลานิดหน่อย รูปนี้เป็นรูปที่กำลังลงเสาเป็นต้นสุดท้ายเพราะว่าก่อนหน้านี้จะมาทำเพียงคนเดียวเลยไม่มีคนถ่ายรูปให้ สำหรับต้นนี้ทำตอนหลังเลิกงานก็เลยให้ภรรยาถ่ายรูปให้ครับ ช่วงที่ทำนั้นเป็นปลายหน้าฝนสังเกตน้ำในบ่อเกือบเต็มแล้วครับแต่ตอนนี้เข้าหน้าร้อนน้ำแห้งเกือบหมดบ่อแล้วครับเพราะว่าดินยังไม่อุ้มน้ำน้ำส่วนหนึ่งก็ซึมหายไป ส่วนหนึ่งก็ระเหยไปด้วยครับ
พอขุดหลุมเตรียมพร้อมแล้วก็ต้องวัดหาระดับแล้วก็ต้องขีดเส้นหาตำแหน่งก่อนครับเพราะว่าถ้ายกลงหลุมแล้วจะหมดสิทธิ์ยกขึ้นจากหลุมครับ ลงแล้วลงเลยครับ ที่ขีดเส้นระดับไว้ก็เพื่ออ้างอิงกับเชือกที่ขึงระดับเอาไว้แล้วนะครับคือผมจะลงเสาหัว-ท้ายแล้วขีดระดับที่เสาแล้วขึงเชือกเพื่อตั้งเสาต้นที่เหลือจะได้ได้ระดับเดียวกันทุกต้นครับ
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยกได้เลยครับ ตอนยกต้องรีบยกครับเพื่อให้ใช้เวลาแบกน้ำหนักให้น้อยที่สุด
ลงหลุมได้แล้วทีนี้ก็ต้องเลื่อนตำแหน่งให้ได้ครับโดยการใช้เหล็กขุดงัดที่ตีนเสาครับ ส่วนใหญ่ผมจะขุดหลุมให้ลึกกว่าเส้นระดับนิดหน่อยเพื่อที่ถ้าต่ำไปก็ใช้ดินโกยใส่ใต้ตีนเสาแล้วก็ปรับให้ได้ระดับง่ายกว่าครับเพราะถ้าขุดตึ้นไประดับก็จะสูงกว่าเชือกที่ขึงทีนี้แหละครับก็หมดสิทธิ์ขุดเพื่อให้เสาลงต่ำแล้วครับ เมื่อได้ระดับแล้วก็ทำการกลบดินได้เลย ผมจะไม่ได้เทปูนที่ก้นหลุมครับเพราะเสียเวลาและไม่มีแรงงานช่วยด้วยก็เลยต้องใช้ดินล้วนๆ ระดับเสาที่ทำการฝังลงดินก็จะอยู่ประมาณ 50 ซม.ครับ และในการกลบดินก็มือหนึ่งจับเสา อีกมือก็ใช้จอบตะกุยดินมาใส่หลุมครับแล้วก็ใช้ไม้กระทุ้งดินให้แน่นก็เป็นอันเสร็จ
มาลงรูปต่อครับ หลังจากลงเสาโรงเรือนเสร็จไปแล้วหลายเดือนผ่านหน้าฝนมาจนถึงปลายหน้าหนาวเมื่อต้นปีนี้ผมก็ซื้อเสาไฟฟ้ามาลงที่สวน 1 ต้นครับ หลายท่านดูรูปแล้วว่ามีเสาไฟอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วทำไมต้องตั้งเสาในสวนของผมด้วย ก็เนื่องมาจากว่าที่ด้านหน้าผมจะเอาไว้ปลูกบ้านแล้วผมจะเดินสายไฟเข้าบ้านไปในใต้ดินก็เลยต้องดึงสายข้ามถนนแล้วมาลงดินฝั่งผมครับ เสาที่ผมซื้อจากการไฟฟ้าเป็นเสาไฟเก่าครับต้นละ 4,000 บาทรวมค่าปักเสาด้วยครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็เสร็จแล้วครับ ต่อไปก็เตียมเดินสายไฟแล้วก็จะขอไฟเข้าสวนเพื่อเริ่มทำโรงเรือนต่อไปครับกะว่าจะเริ่มทำสัก 1 งานก่อน
สวัสดีครับวันนี้ผมมาแจ้งความคืบหน้าของสวนผมครับ ตอนนี้ผมได้ทำการเชื่อมเหล็กติดกับหัวเสาแล้วครับใช้เวลาเชื่อมอยู่ประมาณ 3 วันครับต้องรีบทำให้เสร็จเพราะขอยืมเครื่องเชื่อมเค้ามาได้แค่ 3 วันครับ การเชื่อมแป็บประปานั้นควันจะเยอะมากเลยครับต้องใช้หน้ากากปิดไม่ให้ควันเข้าตาครับ รูปนี้ผมถ่ายมาให้ดูครับพอเชื่อมเสร็จก็ทาสีกันสนิมซะหน่อยครับ ไม่ได้ถ่ายรูปตอนเชื่อมมาให้ดูครับเพราะผมเชื่อมอยู่ด้านบนคนเดียวก็เลยไม่มีใครถ่ายรูปให้ครับ อิอิอิ
เมื่อเชื่อมเหล็กกับหัวเสาเสร็จแล้วต่อไปก็เป็นการดึงสลิงเพื่อสเตย์เสาให้แข็งแรงครับโดยผมจะคล้องลลิงที่หัวเสากับเหล็กที่โผล่จากเสตย์ครับแล้วก็คล้องห่วงเพื่อให้ใช้กับตัวแย๊กดึงสลิงอีกทีครับรูปนี้บางท่านอาจนึกไม่ออกว่าจะดึงยังงัยคอยดูรูปต่อๆไปนะครับ
จากนั้นผมก็จะทำการดึงสลิงที่อยู่ที่ปลายของเสาทั้งสองฝั่งก่อนครับแล้วค่อยดึงสลิงระหว่างหัวเสากับสเตย์โดยการดึงผมจะใช้ตัวแย๊กที่เห็นอยู่ในรูปนี้แหละครับ การดึงสลิงนี้ก็ไม่เคยมีใครสอนมาก่อนครับผมก็นึกเอาว่าจะดึงอย่างไรให้ตึง ก็ไม่ยากครับด้านหนึ่งของปลายสลิงก็คล้องกับด้านหนึ่งของตัวแย๊ก ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งก็ใช้สลิงเส้นสั้นยึดตรงจุดใดจุดหนึ่งของตัวสลิงกะว่าให้ตัวแย๊กดึงถึงครับจากนั้นก็แย๊กๆๆๆๆๆๆๆจนตึงแล้วก็ยึดให้แน่นครับ
เมื่อดึงสลิงที่ยึดเสาทั้งสองฝั่งแล้วคราวนี้ก็ต้องมาดึงสลิงที่ยึดระหว่างเสากับตัวสเตย์ครับโดยการดึงก็จะคล้ายกันครับคือด้านหนึ่งของตัวแย๊กก็คล้องกับสลิงส่วนปลายอีกด้านหนึ่งผมก็ทำสลิงเพื่อเป็นห่วงมาคล้องกับหัวเสาเพื่อใช้ในการดึงครับเพื่อง่ายต่อการย้ายไปดึงกับเสาต้นอื่นในการดึงสลิงนั้นที่ผมเล่าให้ฟังนั้นดูเหมือนจะง่ายครับ แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดคือในการดึงนั้นต้องคอยวัดระดับของเสาด้วยครับ คือเมื่อดึงสลิงด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งมันก็จะเอียงกว่าจะได้ครบทุกต้นก็ใช้เวลาเกือบสองวันครับ เมื่อดึงสลิงเสร็จก็ทำการขึงสแลนต่อเลยครับงานนี้ต้องเจอกับลมแรงครับจึงทำให้งานยากขึ้นไปอีกครับ จากรูปผมจะเริ่มทำในพื้นที่ 12×30 เมตรก่อนครับจึงใช้สแลนหกผืนก็แล้วยังต้องดึงสแลนด้านข้างอีกครับแต่ยังไม่ได้ทำเพราะสแลนหมดก่อนครับ ส่วนสแลนที่ผมใช้จะเป็นสแลน 70%ครับเพราะอาจารย์นิมิตท่านแนะนำมาตอนแรกจะดูทึบแต่สักระยะมันจะหดตัวแล้วความเข้มของแสงก็จะพอดีครับ
เนื่องจากผมขึงแสลนแล้วมันไม่ตึงครับผมก็เลยต้องรื้อแก้ใหม่ครับเพราะตอนดึงแสลนลมแรงมากครับแล้วก็ใช้มือดึงซึ่งระยะค่อนข้างมากด้วยครับจากระยะหัวท้ายประมาณ 30 เมตรแล้วแรงผมคนเดียวก็เลยดึงไม่ไหว ผมก็เลยคิดหาวิธีอยู่สักพักก็เลยคิดว่าจะใช้ตัวแย๊กที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ครับก็เลยแกะปลายแสลนด้านหนึ่งแล้วก็มัดกับไม้ไผ่แล้วก็ใช้สลิงผูกที่ปลายไม้ไผ่ยึดแสลนแล้วก็ใช้ตัวแย๊กค่อยๆดึงก็สามารถดึงให้ตึงได้ตามที่ต้องการครับแล้วก็ยึดกับเหล็กก็เป็นอันเสร็จครับ ท่านใดที่ทำโรงเรือนแล้วไม่สามารถดึงให้แสลนตึงก็สามารถเอาวิธีของผมไปใช้ได้นะครับถ้าหากไม่มีตัวแย๊กก็ใช้เชื่อกผูกกับหลักแล้วใช้แรงคนดึงก็ได้นะครับ
สวัสดีครับก็ห่างหายไปนานเลยครับตอนนี้กำลังยุ่งกับลูกสาวตัวน้อยๆที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ประมาณ 2 เดือนก็เลยไม่ค่อยได้ไปปรับปรุงสวนเพิ่มเติมเลยครับ ส่วนใหญ่ก็จะไปทำได้แค่วันเสาร์วันเดียวก็ทำได้ไม่กี่ชั่วโมงครับ ตอนนี้ผมก็เอาแสลนที่ขึงไว้ออกก่อนครับเพราะว่าตอนที่ผมขึงแสลนยังไม่เสร็จดีก็ต้องเจอกับพายุฤดูร้อนก็เลยทำให้แสลนเสียหายไปบางส่วนแล้วก็มาคิดว่าหากขึงแสลนตอนนี้กว่าจะได้นำกล้วยไม้มาไว้ที่สวนใหม่คงอีกนานแล้วเมื่อขึงแสลนแล้วตัวแสลนก็จะมีอายุของมันก็เลยตัดสินใจเอาลงก่อนแล้วก็เปลี่ยนคานเหล็กที่ใช้ยึดแสลนใหม่เพราะของเดิมผมใช้เหล็ก 1 นิ้วคาดน้ำเลยเมื่อขึงแสลนแล้วปรากฏว่าเหล็กแอ่นผมก็เลยโทรไปปรึกษาคุณวุฒิ(Redsyrub)คุณวุฒิใช้เหล็ก1 นิ้วครึ่งผมก็เลยเหปลี่ยนมาใช้เหล็ก1นิ้วครึ่งแทนครับ แล้วตอนนี้ผมก็เลยปักเสารับคานรายแขวนกล้วยไม้ไปก่อนก็เลยเอารูปมาให้ดูกันครับ
ในการปักเสาผมได้ทำการหล่อปูนด้วยครับเพื่อเพิ่มความแข็งแรง รูปนี้ให้ดูชัดๆครับ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้วางท่อเมนระบบน้ำสปริงเกอร์บางส่วนครับ ผมใช้ท่อเมนขนาด 2 นิ้วผมทำการฝั่งดินพอท่วมท่อเมนครับยังทำไม่เสร็จครับเดี๋ยวถ้าทำเสร็จแล้วจะเอารูปมาให้ดูใหม่นะครับ
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ที่มา : ก้าวแรกของการทำสวนกล้วยไม้แบบเต็มตัว By kvissanu
3 replies on “ก้าวแรกของการทำสวนกล้วยไม้แบบเต็มตัว – ตอนที่ 1”
เยี่ยมมากๆ…Iron man ตัวจริงเลย..อยากจะทำอะไรแบบนี้บ้างครับ
เป็นข้อมูลที่ดีๆมากๆเลยครับ สนใจอยากจะสอบถามพี่เจ้าของที่ทำสวนอะครับไม่ทราบว่าให้คำปรึกษาได้รึป่าว
ถ้ามีโอกาสเข้ามาอ่านข้อความของผม ขอความกรุณาติดต่อมาหน่อยนะครับ 0896725925 ผมสนใจจะทำอยู๋แต่ไม่รู้จะปรึกษาใคร!!!
สุดยอดมากครับ บ้าพลังมาก ๆ ฮ่า ๆ ข้อมูลการทำสวนกล้วยไม้ได้ละเอียดมาก
อยากถามว่าต้องมีเงินลงทุนเท่าไหร่ครับ??? ดูแล้วมากเอาการนะครับเนี่ยะ?
ขอบคุณสำหรับบทความกล้วยไม้ดี ๆ นะครับ ชอบมากเลย 🙂